ปะทะเดือด Surface Studio vs MacBook Pro จะเลือกอะไรดี?
Advertising
มาดูฝั่ง Microsoft กันก่อนครับ หลังจากการปล่อย ‘Surface Studio’ พีซี Touch screen ขนาดหน้าจอ 28 นิ้วรุ่นแรก ที่ปรับระดับความสูงของระนาบหน้าจอได้ตามที่ต้องการ หรือ Surface Dial อุปกรณ์ตัวจิ๋วที่เกิดมาเพื่อเป็นอาวุธชิ้นใหม่ของเหล่านักออกแบบทั้งหลาย
Surface Studio มีนวัตกรรมดังนี้
- หน้าจอ 28 นิ้ว PixelSense Display 13.5 Mega Pixel (4500 x 3000 - มากกว่า 4K) ซึ่งทำจาก Touch screen LCD ที่บางที่สุดในโลก รวมหน้าจอ รวม Case แล้ว Surface Studio นี้ หนาเพียง 12.5 มิลลิเมตร (1.2 เซนติเมตร - ครึ่งนิ้ว) เท่านั้น เป็น the world thinnest display
- กล่องเล็กๆ ด้านล่างเป็นที่เก็บ CPU/ GPU/ HDD และอื่นๆ อีกมาก ยัดเข้าไปในกล่องขนาด 25 x 22 cm และหนาเพียง 3 cm เท่านั้น!
- ทำงานในโหมด DCI-P3 ได้ และสามารถปรับเป็นโหมด sRGB ได้ทันทีใน Action center โดยได้ทำการ Calibrate สีหน้าจอแบบ individual colour calibration มาแล้วพร้อมใช้งาน
- Surface product เป็น Category defining ซึ่ง Surface Studio สามารถปรับจากโหมด Desktop เป็น Studio mode ได้ (ตามวีดีโอเปิดตัว) ด้วยมือเดียว เพราะได้มีนวัตกรรม Zero Gravity Hinge
- มี Surface Dial เป็น accessories (ลูกกลมๆ ในวีดีโอ) ทำให้เราสามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะสามารถใช้ทั้งสองมือในการทำงานไปพร้อมกันได้ โดย Dial สามารถใช้ได้ทั้งโหมดวางไว้บนหน้าจอ และโหมดวางไว้ข้างๆ ตามเว็บ มีแอพหลายอันสามารถรองรับการใขช้งาน Dial ได้แล้ว(Surface Dial สามารถ)
- มี Xbox wireless Bluetooth built-in ทำให้สามารถเล่นเกมได้ด้วย Xbox One Controller ทีเดียวถึง 4 จอยด้วยกัน รองรับ Play Anywhere
ทางฝั่ง Apple ก็ไม่น้อยหน้า มาพร้อม MacBook Pro 2016 ตัวใหม่ที่ไฉไลกว่าเดิมด้วย ‘Touch Bar’ แถบหน้าจอทัชสกรีนที่สามารถเปลี่ยนแปลงการใช้งานได้ตามแอปพลิเคชันที่ใช้ สอดคล้องกับแนวคิดของ สตีฟ จ็อบส์ อดีตซีอีโอที่ไม่เห็นด้วยกับการสร้างโน้ตบุ๊กที่มีหน้าจอทัชสกรีน เพราะ Touch Bar ไม่ได้อยู่บนหน้าจอของ MacBook Pro
สำหรับสเป็กพื้นฐานของ MacBook Pro ทุกรุ่นของปี 2016
- หน่วยประมวลผล Intel Core รุ่นที่ 6 (Skylake)
- ใช้หน้าจอ Retina display รุ่นใหม่ ประหยัดไฟขึ้น และให้สีสมจริงขึ้น
- ตัวเครื่องมีให้เลือก 2 สี คือ Silver และ Space Grey
- หน่วยจัดเก็บข้อมูลใช้ Flash storage ความเร็วสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมาในโน้ตบุ้ค Mac
- คุณสมบัติใหม่ที่สำคัญสุดในรุ่นนี้ คือมีแถบ Touch Bar หรือแถบหน้าจอสัมผัส Multi-touch ขนาดเล็กเหนือแป้นพิมพ์ สำหรับใช้ร่วมกับแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ เช่น Microsoft Office, Adobe Photoshop, Final Cut Pro ฯลฯ
- ปุ่มเปิดเครื่องมาพร้อมกับ Touch ID ใช้สแกนลายนิ้วมือแทนการใส่รหัสผ่านเพื่อปลดล็อกเครื่อง, แก้ไขค่าติดตั้งต่าง ๆ ในเครื่อง, ติดตั้งแอพ หรือซื้อของในอินเทอร์เน็ตได้
- ใช้พอร์ตเชื่อมต่อเป็น USB-C จำนวน 4 ช่อง รองรับ Thunderbolt 3
- ชาร์จไฟช่องไหนก็ได้ ทุกช่องใช้ต่อจอภาพ หรือเชื่อมข้อมูลได้
- หากต้องการเสียบอุปกรณ์ที่มีอยู่ เช่น แฟลชไดร์ฟ, SD Card, ฮาร์ดดิสก์ ฯลฯ ต้องซื้อสายใหม่ หรือใช้อแดปเตอร์แปลง
- ลำโพงสเตอริโอใหม่ เสียงดีและดังขึ้นกว่าเดิม 2 เท่า
- แอปเปิลออกแบบระบบระบายอากาศและความร้อนภายในตัวเครื่องใหม่ ทำให้เครื่องทำงานได้แรงเต็มที่โดยที่ไม่ร้อน และคงความบางไว้ได้
- แอปเปิลยังปรับปรุงคีย์บอร์ดใหม่ ใช้กลไกแบบปีกผีเสื้อรุ่นใหม่ ทำให้พิมพ์ได้สเถียรมากขึ้น และพื้นที่ปุ่มกว้างขึ้น
- Force Touch Trackpad แบบใหม่ ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม 2 เท่า
- มี Bluetooth 4.2 ประหยัดพลังงานขึ้นกว่า MacBook Pro รุ่นปี 2015
- แถมสายชาร์จความยาว 2 เมตร พร้อมหัวปลั๊กชาร์จ USB-C แบบใหม่ ขนาดเล็กลงกว่าเดิม
ทั้ง Microsoft กับ Apple เป็นไม้เบื่อไม้เมาในธุรกิจกันมานาน เขารักกันและต่อสู้กัน เหมือนกับ
เพื่อนรักกันที่ทั้งสองคนมีอาชีพเป็นนักมวยที่มีชื่อเสียง วันหนึ่งเขาทั้งสองต้องมาชกกัน ถ้าไม่ชกกันก็จะไม่ได้เงิน และ ก็มีแฟนมวยอยากจะชม ถ้าชกกันแล้วทำเงินมหาศาล แต่ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเป็นไปได้ว่าในอนาคตอาจจะมีมือที่ 3 โผล่เข้ามาร่วมแจมศึกที่แสนดุเดือดกับพวกเขา!
Sponsored Links
ไม่มีความคิดเห็น: