Ads Top

ทำความรู้จักกับ AirPods หูฟังไร้สายสุดพรีเมี่ยมจาก Apple กับเรื่องน่ารู้ก่อนซื้อ


Advertising
เมื่อช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา นอกจาก Apple ได้เปิดตัว iPhone 7 แล้ว  ก็ยังได้สร้างความฮือฮาขึ้นอีกครั้งด้วยการเปิดตัวหูฟังไร้สายที่มีชื่อว่า "Apple AirPods" ซึ่งหูฟังไร้สายรุ่นใหม่นี้ Apple ชูโรง ไว้ว่าเป็นสุดยอดหูฟังที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีสุดล้ำ ที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมการฟังเพลงแบบเดิมๆ ไปแบบสิ้นเชิง วันนี้เรามีข้อมูลประกอบการตัดสินใจก่อนจะซื้อมาฝากครับ

Apple AirPods กับสิ่งที่ควรรู้ 

AirPods ไม่ได้ถือเป็นปรากฎการณ์แปลกใหม่อะไรครับ เนื่องจากก่อนหน้านี้ Apple ก็เคยทำหูฟังแบบ Bluetooth มาแล้วครั้งนึง สมัยเมื่อหลายปีก่อนมาแล้ว โดยใช้ชื่อว่า iPhone Bluetooth Headset ซึ่งมีรูปร่างคล้ายกับหูฟังบลูทูธทั่วไป แต่สำหรับ AirPods จะมีอะไรพิเศษเพิ่มขึ้นมา ตามมาดูกันครับ


  1. AirPods  หูฟังไร้สายใหม่อย่างเป็นทางการของ Apple ที่ออกแบบมาให้ใช้สำหรับทั้ง iPhone และ Apple Watch
  2. ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 6,900 บาทไทย (อ้างอิงข้อมูลจากหน้าเว็บของ Apple)
  3. ไม่ได้แถม ถ้าเราซื้อ iPhone 7 เราจะได้แถมหูฟังแบบมีสาย แต่เป็นพอร์ท Ligntning แบบเดียวกับสายชาร์จ iPhone ปกติแทน
  4. AirPods เชื่อมต่อกับ iPhone ผ่าน Bluetooth
  5. AirPods มาพร้อมกับชิพชื่อ W1 ซึ่งเป็นสมองของ AirPods และทำให้ AirPods มีความสามารถพิเศษต่างจากหูฟังไร้สายธรรมดา แค่เชื่อมต่อ AirPods กับ iPhone ง่ายขึ้น โดยชิพ W1 จะทำให้ AirPods ควบคุมพลังงาน ใช้ได้ยาวนานกว่า พร้อมตรวจจับว่าเราใส่ AirPods กับหูเราหรือยัง ทำให้เล่น และหยุดเพลงได้อย่างเหมาะสม และสามารถแจ้ง iPhone เมื่อพวกเราใส่ AirPods ข้างเดียวได้
  6. ชิพ W1 ไม่ได้มีบน AirPods เท่านั้น แต่ยังมีบนอุปกรณ์อื่นๆของ Beats ด้วย เช่น
  7. AirPods มี Sensor   เซ็นเซอร์อินฟราเรด ที่ตรวจจับการสวมใส่ และ Accelerometer ที่ตรวจจับการเคาะ
  8. AirPods มากับกล่องเคสแม่เหล็กที่คอยชารจ์ไฟให้ AirPods ที่พวกเราพกออกไปนอกบ้านได้ โดยเราสามารถชาร์จไฟให้กับกล่องเคสที่ว่านี้ผ่านสายชาร์จธรรมดาได้อีกต่อหนึ่ง
  9. แบตเตอรี่ AirPods จะใช้ฟังเพลงได้ประมาณ 5 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง โดยถ้าชาร์จไฟจากกล่องเคสเป็นระยะ ก็สามารถอยู่ได้ถึง 24 ชั่วโมง
  10. สามารถใช้ AirPods กับ Mac หรือ Apple Watch ได้ แต่ Mac ต้องรันระบบปฏิบัติการ macOS Sierra และ Apple Watch ต้องรันระบบ watchOS 3
  11. AirPods จะทำงานกับ iPhone  ทุกรุ่นที่สามารถรันระบบปฏิบัติการ iOS 10 ได้
  12. AirPods ใช้กับมือถือ Android ได้  ซึ่งรองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Bluetooth ทุกแบบ เพียงแค่กดปุ่มด้านหลังของกล่องเคส AirPods
  13. ถ้าทำ AirPods หายไปข้างหนึ่ง Apple ระบุว่า ไม่ต้องซื้อใหม่เป็นคู่ ซื้อแยกข้างที่หายไปได้ 
  14. คุณภาพเสียงของ AirPods ใกล้เคียงกับ EarPods ที่มีสายเดิมของ Apple
  15. AirPods กันน้ำไม่ได้ แต่จะใช้มันจะหว่างเดินฝ่าฝนกลางๆ หรือเหงื่อแตกพลั่กในฟิตเนส 
  16. ใช้ AirPods คุยโทรศัพท์ได้ โดย AirPods แต่ละข้างมีไมโครโฟนที่ใช้ในการคุยโทรศัพท์ และพูดกับ Siri ได้
  17. ใช้ AirPods สั่งงาน หรือคุยกับ Siri ได้ แตะเบาๆ 2 ครั้งที่ AirPods และสามารถปรับการแตะ 2 ครั้งเป็นแบบอื่นได้
  18. จะปรับระดับเสียง หรือเปลี่ยนเพลงที่ฟังอยู่ มี 2 วิธี คือ เคาะ 2 ครั้งเพื่อหยุดเพลง, คุยกับสิริบอกให้เร่งเสียงให้ หรือใช้ปุ่มปรับเสียงบน iPhone หรือปรับจากหน้าจอ iPhone ตามปกติ
  19. รับสายด้วย AirPods เพียงแค่แตะ 1 ครั้งบนข้างใดข้างหนึ่งก็คือการรับสาย
  20. มันหลุด หรือร่วงจากหูเราไม่ง่ายอย่างที่เราคิด ใส่แล้วเกาะหูแน่นพอตัว แต่คงต้องรอรีวิวตอนวิ่ง หรือออกกำลังกายในฟิตเนสอีกที ถ้า AirPods แบตเสื่อมหรือหาย Apple คิดเงินค่าบริการเริ่มต้นที่ข้างละ $49 (ประมาณ 1,750 บาท) ถึงแม้ว่าการออกแบบมาให้เกาะหูแน่น แต่ก็ควรใช้งานอย่างระมัดระวังกันหน่อยนะครับ
  21. สามารถใช้งานร่วมกับ iPhone /iPad ที่สามารถรันระบบปฏิบัติการ iOS 10

  • iPhone 5 
  • iPhone 5c 
  • iPhone 5s 
  • iPhone SE 
  • iPhone 6 
  • iPhone 6 Plus 
  • iPhone 6s 
  • iPhone 6s Plus 
  • iPhone 7 
  • iPhone 7 Plus 
  • iPad mini 2 
  • iPad Air 
  • iPad Air 2 
  • iPad mini 3 
  • iPad mini 4 
  • iPad Pro (รุ่น 9.7 นิ้ว) 
  • iPad Pro (รุ่น 12.9 นิ้ว) 
  • iPod touch รุ่นที่ 6

Sponsored Links

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.