ศึกประลองยุทธ Galaxy Note 5 vs iPhone 6 Plus ใครดีกว่าใน 5 ยก
Advertising
ยกแรก: ดีไซน์
อย่างที่บอกไว้ตอนต้น Galaxy Note 5 มาพร้อมดีไซน์ใหม่คล้ายคลึงกับการออกแบบมาจาก Galaxy S6 ด้านหลังตัวเครื่องถูกปรับให้กับโค้งเข้ากับมือของผู้ใช้ ส่วนวัสดุตัวเครื่องใช้เป็นกระจกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ขอบตัวเครื่องเป็นโลหะ ยกระดับความพรีเมียมขึ้นอีกขั้น และตัวเครื่อง Galaxy Note 5 มีขนาด 153.2 x 76.1 x 7.6 มม. และน้ำหนัก 171 กรัม ส่วนการออกแบบ iPhone 6 Plus นั้น Apple ปรับดีไซน์พื้นผิวด้านหลังให้เป็นลักษณะโค้งมน วัสดุที่ใช้ยังเป็นอลูมิเนียม สีตัวเครื่องมีให้เลือก 3 สีได้แก่ เงิน ทองและเทาสเปซเกรย์ ความหนาสำหรับ iPhone 6 Plus อยู่ที่ 7.1 มิลลิเมตร ในส่วนน้ำหนัก มากสุดที่ 172 กรัม ยกแรกหากมองที่น้ำหนักและตัวเครื่องแล้วต้องยกให้ Note 5 เขาเลยครับ ที่ขนาดหน้าจอใหญ่กว่าแต่น้ำหนักทำออกมาได้ไกล้เคียง 6 Plus
ยก 2: การแสดงผล
Galaxy Note 5 มีขนาดหน้าจอที่ 5.7 นิ้ว ใช้เทคโนโลยี Super AMOLED และรองรับความละเอียด QHD 1440 x 2560 พิกเซล 518 ppi ส่วนของ 6 Plus หน้าจอ IPS Retina HD ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียดหน้าจอ 1,920x1,080 พิกเซล ความละเอียดพิกเซลต่อตารางนิ้วอยู่ที่ 401 ppi ยกนี้ต้องยกให้ Galaxy Note 5 ชนะด้วยหน้าจอที่ใหญ่กว่าครับ
ยก 3 : Hardware
Galaxy Note 5 มาพร้อมกับความทรงพลังและโหดกว่าเดิมตามสไตล์ Samsung โดยใช้ซีพียู Exynos 7420 บนสถาปัตยกรรม 64 บิต 14nm Octa-Core (2.1GHz Quad + 1.5GHz Quad) แรม 4GB แบบ LPDDR4 ส่วน 6 Plus จะใช้ซีพียู Apple A8 Dual Core 1.4GHz บนสถาปัตยกรรม 64 บิตพร้อมชิปประมวลผลการเคลื่อนไหว Apple M8 กราฟิกเลือกใช้ PowerVR GX6450 แบบ Quad-core แรม 1GB และด้วยพลังของ Exynos 7420 บวกกับ แรม 4GB จึงทำให้ Note 5 นั้นมีประสิทธิภาพมากกว่า A8 ของ 6 Plus ที่มีแรมเพียง 1GB
โดยทั้ง 2 รุ่นนี้ไม่รองรับการเพิ่ม microSD แถมยังถอดฝาหลังไม่ได้อีกด้วย และจะมีหน่วยความจำภายใน 32/64/128 GB สำหรับ Note 5 และ 16/64/128 GB สำหรับ iPhone 6 Plus นั่นเอง
ยก 4: แบตเตอรี่
Note 5 มีแบตเตอรี่ความจุ 3000 mAh แต่ก็ยังคงมีความจุใหญ่กว่า 6 Plus ที่มีความจุอยู่ที่ 2,915 mAh
ยก 5 : กล้อง
เรื่องกล้องถ่ายภาพถือว่าเป็นไฮไลท์เด็ดอีกอย่างที่ขาดไม่ได้ เพราะทาง Samsung ใส่ใจอัพเกรดคุณภาพกล้องถ่ายภาพให้ดีขึ้นทุกครั้งเมื่อเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ และบน Galaxy Note 5 กล้องถ่ายภาพถูกพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิม โดยมีความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ซึ่งในด้านฟีเจอร์ก็ได้เพิ่มตัวช่วยประมวลผลแบบใหม่ที่เรียกว่า VDIS ซึ่งช่วยสนับสนุนการทำงานของ OIS (ระบบป้องกันภาพสั่นไหว) ให้ดีขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ยังมี Quick Launch เพียงกดโฮม 2 ครั้งติดกันเพื่อเรียกกล้องทำงานได้เร็วภายใน 1 วินาที ส่วนกล้องหน้าเพิ่มความละเอียดเป็น 5 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f1.9
มาถึง iPhone 6 Plus สเปคกล้องถ่ายภาพด้านหลัง Apple ยกกล้อง iSight โดยรูรับแสงกว้างขึ้นที่ f2.2 และปรับปรุงฮาร์ดแวร์บางส่วน ความละเอียดภาพสูงสุดจะอยู่ที่ 8 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์รับภาพยังคงใช้ขนาด 1/3” แต่พัฒนาปรับปรุงระบบตรวจจับโฟกัสอัตโนมัติใหม่ด้วยการนำเทคโนโลยีโฟกัสแบบ Phase detection เข้ามาใช้บนเทคโนโลยี “Focus Pixels” โดยเมื่อรวมการทำงานเข้ากับซีพียูตัวใหม่แล้ว กล้องใน 6 Plus จะประมวลผลภาพและขจัดสัญญาณรบกวณในที่แสงน้อยได้ดีขึ้นมาก
แต่ทั้งนี้ iPhone 6 Plus ยังมี “Optical image stabilization หรืออธิบายการทำงานก็คือ ชิ้นเลนส์ใน iPhone 6 Plus จะขยับได้ตามมือที่สั่นและทุกค่าที่ระบบป้องกันภาพสั่นไหวตรวจจับได้จะถูกประมวลผลรวมกับไจโรสโคป ชิป M8 และซีพียู A8 จากนั้นโปรแกรมภายในจะสั่งเข้าซอฟต์แวร์ป้องกันภาพสั่นไหวแบบดิจิตอลอีกครั้งเพื่อให้ผลลัพท์ภาพออกมาดีที่สุด”
โดยรวมแล้ว Galaxy Note 5 ทำออกมาได้ดีกว่า iPhone 6 Plus ถ้ามองแบบภาษาชาวบ้าน 6 Plus ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่แท้จริงของ Note 5 หรือต้องรอ Apple เปิดตัว iPhone 6s และ iPhone 6s Plus เร็วๆ นี้ แล้วคอยมาประลองกันใหม่
เรียบเรียงโดย Maclolz.com
Sponsored Links
ไม่มีความคิดเห็น: