Ads Top

Apple เปิดตัว iPad Air 2 และ iPad mini 3 อย่างเป็นทางการแล้ว มีอะไรใหม่บ้าง


Advertising
Apple  เปิดตัว iPad Air 2 และ iPad mini 3 อย่างเป็นทางการแล้วเมื่อเที่ยงคืนที่ผ่านมา อันที่จริงก็เปิดตัว Mac พร้อมกับการเปิดตัว iOS8.1 ซึ่งจะเปิดให้ทำการดาวน์โหลดในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ แต่ด้วยความที่ไฮไลของงานนี้น่าจะเป็นตระกูล iPad มากกว่า เลยจะมาสรุปว่ามีอะไรบ้าง

 
เริ่มต้นกันที่ iPad Air 2 มาพร้อมความบางเฉียบที่สุดในโลก ซึ่งมีความบางเพียง 6.1 มม. มีขนาดหน้าจอ 9.7 นิ้ว

ใช้ชิปประมวลผล Apple A8X 64-bit ซึ่งเป็นตัวใหม่ล่าสุดในตระกูบชิปเซ็ตของ Apple ที่ใหม่กว่าบน iPhone 6 และหน่วยประมวลผลร่วม M8 ซึ่งซีพียูแร็วแรงกว่าเดิมถึง 40%


ประสิทธิภาพด้านกราฟิก เมื่อเทียบกับ iPad รุ่นแรกแล้ว ดีขึ้นกว่าเดิมถึง 180 เท่า


การใช้งานแบตเตอรี่ยาวนานถึง 10 ชั่วโมง

กล้องหลัง iSight ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล (จากเดิม 5 ล้านพิกเซลบน iPad Air) รูรับแสงขนาด ƒ/2.2 สามารถบันทึกวิดีโอระดับ HD 1080p และยังรองรับโหมถ่ายภาพรัวต่อเนื่อง, การบันทึกวิดีโอแบบเร่งความเร็ว (Timelapse) และวิดีโอสโลว์โมชั่น (Slo-Mo)

กล้องหน้าสำหรับ Face Time เองก็มีการพัฒนาขึ้นโดยเพิ่มรูรับแสงมาเป็น ƒ/2.2  ซึ่งสามารถรับแสง เพื่อให้รูปที่ได้มีความคมชัดสวยงามมากยิ่งขึ้นได้มากกว่าเดิมถึง 81%  ทั้งนี้ผู้ใช้งานยังสามารถถ่ายภาพเซลฟี่แบบ ฺBurst Mode หรือจะถ่ายเซลฟี่แบบ Single-Shot HDR หรือแม้แต่ HDR Video ก็ได้

มาพร้อมกับเทคโนโลยี WiFi ขั้นสูงอย่าง 802.11ac ที่ในรอบนี้บูสต์อัพให้ไวขึ้นอีกดวย้การเพิ่มความสามารถ Multiple-Input และ Multiple-Output (MIMO) ขึ้นมา ด้วยเหตุนี้ Apple จึงกล้ารับประกันว่าการใช้งานอินเตอร์เน็ตผ่าน WiFi บน iPad Air 2 นั้นจะมีความไวมากขึ้นกว่าเดิมถึง 2.8 เท่า โดยสามารถรองรับความเร็วผ่าน WiFi ได้สูงสุดที่ 866Mbps ส่วนทางด้าน Mobile Data นั้นเจ้า iPad Air 2 มาพร้อมกับ 20 LTE เพื่อให้การใช้งาน 4G LTE เป็นไปได้อย่างว่องไวขึ้นกว่าเก่า โดยบูสต์สปีด LTE ขึ้นไปได้สูงสุดที่ 150 Mbps นั่นเอง


ปุ่มโฮมมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ Touch ID Fingerprint Sensor  เช่นเดียวกับ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus และรองรับระบบชำระเงิน Apple Pay ด้วย แต่ยังไม่ได้มาพร้อมกับเทคโนโลยี NFC

iPad Air 2 จะเริ่มเปิดให้ทำการสั่งจองได้ตั้งแต่วันนี้ (17 ตุลาคม 2557) และจะเริ่มส่งออกให้กับผู้ที่สั่งจองล็อตแรกในช่วงปลายสัปดาห์หน้า โดยมีสีทอง สีเงิน และสีเทาอวกาศ (Space Gray) ให้ผู้ที่สนใจได้เลือกซื้อ และมาพร้อมขนาดความจุที่ 16GB, 64GB และ 128GB พร้อมกับราคาที่ตั้งตามลำดับที่ $499 (ประมาณ 16,500 บาท) $599 (ประมาณ 20,000 บาท) และ $699 (ประมาณ 23,000 บาท) สำหรับรุ่น WiFi ส่วนรุ่น 3G / LTE นั้นจะบวกเพิ่มไปอีก $130 (ประมาณ 4,500 บาท) ต่อรุ่นตามลำดับนั่นเอง

นอกจากนี้ Apple ยังเปิดตัว iPad Mini 3  โดย iPad Mini 3 นั้นจะมาพร้อม Touch ID เช่นเดียวกับ iPad Air 2 และ iPhone ตั้งแต่ 5S เป็นต้นไป เหมือนจะเป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญเพียงอย่างเดียวของ iPad Mini 3 เพราะเจ้านี่ยังคงมาพร้อมกับชิปเซ็ต A7 และหน้าจอแบบ Retina iPad Mini ตัวก่อนหน้าเลย

กล้องหน้าความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล และแบตเตอรี่ก็ใช้งานได้ยาวนาน 10 ชั่วโมงเท่ากับ iPad Air 2 ตัวเครื่องมีสีเงิน สีเทา และสีทอง



ทั้งนี้ iPad Mini 3 มาพร้อมกับตัวเลือกสีเพิ่มอีกหนึ่งสีคือสีทอง และสีเดิมๆ อย่างสีเทาอวกาศ (Space Gray) และสีเงินนั้นก็ยังคงมีให้เลือกเหมือนเดิม โดยราคาจะเริ่มจาก $399 (ประมาณ 13,500 บาท) สำหรับตัว 16GB WiFi โดยมี 64GB และ 128 GB WiFi ให้เลือกที่สนนราคา $499 (ประมาณ 16,500 บาท) และ $599 (ประมาณ 20,000 บาท) ตามลำดับ ส่วนตัว WiFi+Cellular นั้นให้บวกเงินเพิ่มไปอีก $130 (ประมาณ 4,500 บาท) ต่อรุ่นจากราคา WiFi นั่นเอง



Sponsored Links

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.